"ชื่อบทความนี้เป็นชื่องานที่ลูกหลานช่วยกันตั้ง เมื่อครั้งที่พวกเราไปรวมตัวกันช่วงปิดเทอมเพื่อจัดการแสดงให้ตากับยายดู เมื่อก่อนหลานๆ ทั้ง 14 คนของตากับยาย มักจะรวมตัวกันคิดการแสดงต่างๆ เพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับครอบครัว โดยเฉพาะตากับยายที่เป็นศูนย์รวมความรักของพวกเรา เวลาผ่านไปเนิ่นนานร่วมหลายปี จนตอนนี้ตาของพวกเราอายุครบ 101 ปี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ในขณะที่ยายเดินทางสู่สรวงสวรรค์ไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน"
ตาของพวกเราชื่อ เกษม รักษาพล เกิดวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ..2463 ปีวอกส่วนยายมีชื่อไพเราะเพราะพริ้งว่า บัวจันทร์ รักษาพล ความรักของตากับยายคือคำสอนที่มีค่ามากสำหรับพวกเรา ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยายยังมีชีวิตอยู่ ตากับยายจะถือสลุงสำหรับใส่ข้าวตอกดอกไม้และกับข้าวเพื่อไปถวายพระที่วัดทุกๆ เช้า ภาพของตากับยายที่เดินเคียงคู่กันไปทำบุญที่วัดทุกเช้าเป็นภาพที่พวกเราเห็นกันจนชินตา มันเป็นภาพที่งดงามและอบอุ่นในความรู้สึกเสมอ จนกระทั่งถึงวันที่ยายล้มป่วยและต้องให้อาหารทางสายยาง และไม่สามารถพูดจาโต้ตอบกับตาและลูกหลานได้เหมือนเช่นเคย สิ่งที่ตายังคงทำอยู่จนเป็นกิจวัตรคือการเดินไปทำบุญที่วัดทุกเช้า แม้ว่ายายจะเดินไปวัดกับตาไม่ได้แล้วก็ตาม ขากลับจากทำบุญที่วัดตาจะเก็บดอกไม้สีขาวที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นดอกเก็ดถวาหรือดอกพุดซ้อนคนเมือง ซึ่งคนทางเหนือเชื่อว่าเป็นดอกไม้มงคลของคนล้านนา ตาจะเก็บมาฝากยายอยู่เป็นประจำ ตาจะค่อยๆ บรรจงวางดอกไม้เอาไว้บนหมอนข้างๆ ยาย แล้วนั่งคุยนั่งเล่าเรื่องที่ตาไปพบเจอในแต่ละวันให้ยายฟัง ภาพของยายที่หลับตาพริ้มบนเตียงโดยมีตานั่งกุมมืออยู่ข้างๆ มันเป็นความงดงามในความรักที่สม่ำเสมอ ซื่อสัตย์และมั่นคง และในที่สุดยายจากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ คนที่พวกเราห่วงมากที่สุดคือความรู้สึกของตา แต่ตากลับพลิกความทุกข์ให้กลายเป็นการเติบโตจากภายในอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ ตายังคงเดินไปทำบุญที่วัดทุกเช้าเหมือนเช่นเคย และเก็บเอาดอกไม้สีขาวมาวางไว้หน้ารูปถ่ายของยายทุกวัน เรื่องราวที่ตาได้พานพบยังคงถูกบอกเล่าจากปากของตาส่งผ่านรูปถ่ายของยาย โดยหวังว่าเสียงแห่งความคิดถึงจะล่วงรู้ไปถึงดวงวัญญาณของยายที่อยูบนสรวลสวรรค์ ตาบอกว่า ตาจะไม่เศร้าเสียใจ ตาจะยิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อให้ยายที่มองดูตาอยู่บนฟ้าสบายใจ ความรักของตากับยายไม่ได้สิ้นสุดลง แม้ว่าความตายจะมาพรากร่างกายของทั้งสองให้ห่างจากกัน หากว่าหัวใจรักของทั้งคู่ยังคงผูกพันและมั่นคงต่อกันไม่เสื่อมคลาย
ภายหลังการจากไปของยาย ตายังคงประพฤติปฎิบัติตนอย่างเป็นปรกติ ไม่ทำให้ลูกหลานต้องเป็นห่วง ตากินง่ายอยู่ง่ายและพอเพียง ยามว่างสิ่งที่ตาชอบทำมากที่สุดก็คือการเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ประจำบ้าน โต๊ะเก่าเก้าอี้เก่า หรือตู้เตียงเก่าๆ ถูกตานำมาดัดแปลงใหม่ จนกลายเป็นชิ้นงานที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ตาภาคภูมิใจกันผลงานรีไซเคิลของตัวเองมากมาย คราใดที่ครึ้มอกครึ้มใจตาก็มักจะแต่งบทลิเกร้องและรำสด ๆ ให้ลูกหลานได้อมยิ้มไปตามๆกัน ความมีอารมณ์ขันและมีพื้นฐานจิตใจที่เบิกบานเป็นยาชูกำลังชั้นยอดสำหรับผู้ชายห้าแผ่นดินอย่างตา บ่อยครั้งที่ฉันแอบเผลอคิดไปว่าถ้าเรามีอายุร่วมร้อยปี แต่เพื่อนผู้ญาติพี่น้องทยอยล้มหายตายจากไปทีละคนทีละคน เราจะมีชีวิตที่เหลืออยู่ได้อย่างไร อย่างที่ไม่รู้สึกเจ็บปวด อ้างว้างหรือโดดเดี่ยว ตาเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับข้อสงสัยของฉัน เพราะตามีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความไม่คาดหวัง อยู่ด้วยหัวใจที่ผ่อนคลาย ปล่อยวาง และเป็นสุขกับทุกสิ่งที่เป็นปรกติ และเป็นธรรมดาของชีวิต
ประวัติการทำงานของคุณตา
พ.ศ.2481 รับราชการครูอำเภอและ (ปัจจุบันคืออำเภอทุ่งช้าง)
พ.ศ.2486 ทำงานแผนกศึกษาธิการอำเภอและ (ปัจจุบันคืออำเภอทุ่งช้าง)
พ.ศ.2489 ทำงานแผนกศึกษาธิการ อำเภอเมืองน่าน และดำรงตำแหน่งข้าราชการประจำสำนักงานประถมศึกษา จังหวัดน่าน (สปจ.น่าน)
พ.ศ.2521 เกษียณอายุราชการก่อนกำหนด ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ.2523 – 2528 ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดน่าน (สจ.)
พ.ศ.2528 – 2533 ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาเทศบาลเมืองน่าน (สท.)
ศูนย์ศตวรรษิกชน ขอขอบคุณเรื่องราวดี ๆ ของคุณตาเกษม รักษาพล จากคุณกชกร ชิณะวงศ์ ที่ได้แบ่งปันเรื่องราวความสุขและความเป็นปรกติของวิถีชีวิต และประสบการณ์ชีวิตของผู้สูงอายุซึ่งเป็น “ศตวรรษิกชน” (ผู้ที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป) ของประเทศไทย เพื่อเป็นแบบอย่างของความเรียบง่าย และชีวิตที่แสนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาสำหรับคนรุ่นหลังต่อไป
*เรื่องเล่าและรูปภาพนี้ได้รับความยินยอมให้เผยแพร่ในเว็บไซต์ศูนย์ศตวรรษิกชน*
เนื้อหาและรูปภาพใช้ในการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของศูนย์ฯเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำไปใช้เพื่อการโฆษณาและการหาประโยชน์ในทางอื่น